รุกขกรรม ศาสตร์และศิลป์แห่งการปกป้อง พื้นที่สีเขียว ในเขตเมือง

ความสำคัญของ พื้นที่สีเขียว ในเขตเมือง  

พื้นที่สีเขียวในเขตเมือง ไม่ได้มีเพียงแค่การเพิ่มความสวยงามให้กับเมืองเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทที่สำคัญในการสร้างความสมดุลระหว่างธรรมชาติและการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน พื้นที่สีเขียวเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของประชาชนในหลาย ๆ ด้าน  

1. ปรับปรุงคุณภาพอากาศและลดมลพิษ

พื้นที่สีเขียว เช่น สวนสาธารณะ, สวนหย่อม, และต้นไม้ริมถนน มีความสามารถในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจน ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศและลดมลพิษจากการจราจรและกิจกรรมในเมือง การมีต้นไม้ที่หนาแน่นช่วยกรองฝุ่นละอองและก๊าซพิษในอากาศ ทำให้อากาศสะอาดและบริสุทธิ์มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การปลูกต้นไม้ใหญ่ตามถนนใหญ่ช่วยลดระดับฝุ่น PM2.5 ในอากาศและทำให้เมืองน่าอยู่ยิ่งขึ้น 

2. ปัจจัยหลักในการลดอุณหภูมิ

พื้นที่สีเขียวมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอุณหภูมิและลดความร้อนในเมือง โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน เมื่อเมืองกลายเป็น “เกาะความร้อน” (Urban Heat Island) ที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าพื้นที่ชนบท การมีต้นไม้และพืชพรรณสามารถช่วยดูดซับแสงแดดและลดความร้อนสะสมในพื้นที่ ทำให้เกิดการท่ายเทของอากาศได้มากกว่า ช่วยลดความต้องการในการใช้พลังงานสำหรับเครื่องปรับอากาศ โดยในปัจจุบันมีงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าการเพิ่มพื้นที่สีเขียว 20-30% ในเมืองสามารถลดอุณหภูมิได้ประมาณ 1-4 องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับขนาดของต้นไม้และความหนาแน่นของพืชพรรณ  

3. ส่งเสริมสุขภาพจิตและกายของประชาชน

รายงานของ WHO เกี่ยวกับสุขภาพและพื้นที่สีเขียวเน้นย้ำว่าการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและส่งเสริมสุขภาพของประชาชน ช่วยลดความเครียดและเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดี เช่น การออกกำลังกายในสวนสาธารณะหรือการเดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติช่วยเพิ่มความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย นอกจากนี้ การมีกิจกรรมกลางแจ้งในพื้นที่สีเขียวยังช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีและช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชน 

4. เป็นบ้านหลังสุดท้ายของสัวต์และพรรณไม้

พื้นที่สีเขียวในเขตเมืองเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า พืชพรรณ และแมลงหลายชนิด ซึ่งช่วยเสริมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ การปลูกต้นไม้และพืชพรรณที่หลากหลายช่วยสร้างสมดุลในระบบนิเวศและรักษาความสมบูรณ์ของธรรมชาติ การมีระบบนิเวศที่สมดุลช่วยควบคุมศัตรูพืชและโรคพืช และทำให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น 

ผลกระทบของการขาด พื้นที่สีเขียว ในเขตเมืองและแนวทางแก้ไข 

 การเติบโตของ ความเป็นเมือง หรือ Urbanization ส่งผลกระทบต่อพื้นที่สีเขียวในหลายด้าน ทั้งการสูญเสียพื้นที่ ด้วยการขยายตัวของเมืองและการพัฒนาทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้พื้นที่สีเขียวถูกลดทอนหรือสูญหายไปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีแนวทางการแก้ไขและฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวที่หลากหลาย ตั้งแต่การสร้างสวนสาธารณะ การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแล การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน ไปจนถึงการพัฒนานโยบายและกฎหมายที่สนับสนุนการอนุรักษ์พื้นที่สีเขียว เพื่อสร้างสรรค์เมืองที่น่าอยู่อาศัยและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น.  

1. การสูญเสียพื้นที่สีเขียวจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
   การก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัย, ถนน, และโครงการพัฒนาในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ทำให้พื้นที่สีเขียวถูกทำหลายหรือแปรสภาพเป็นพื้นผิวแข็ง เช่น อาคารคอนกรีต ถนนจากซีเมนต์และยางมะตอย ส่งผลให้มีพื้นที่สำหรับต้นไม้และพืชพรรณต่างๆลดลง เช่น ในเขตกรุงเทพมหานคร พื้นที่สีเขียวถูกแทนที่ด้วยอาคารสูงและที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างต่อเนื่อง จนเกินควบคุม 
2. ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ
   การลดลงของพื้นที่สีเขียวส่งผลให้ระบบนิเวศตามธรรมชาติเสื่อมโทรมและสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพอย่างต่อเนื่อง ต้นไม้และพืชพรรณที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าและแมลงหายไป ทำให้ขาดความสมดุลในระบบนิเวศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบถึงการควบคุมศัตรูพืช ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อภาคการเกษตรได้ 
3. เพิ่มความร้อนในเมืองและมลพิษทางอากาศ
   การสูญเสียพื้นที่สีเขียวทำให้เมืองเกิดปรากฏการณ์ “เกาะความร้อนในเมือง” (Urban Heat Island Effect) ที่ทำให้อุณหภูมิในเมืองสูงขึ้นกว่าพื้นที่รอบนอก นอกจากนี้ การขาดต้นไม้ยังทำให้อากาศในเมืองมีมลพิษมากขึ้น เนื่องจากไม่มีการกรองอากาศจากธรรมชาติ ส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนที่อาศัยอยู่ 
4. การเพิ่มความเสี่ยงต่ออุทกภัยและปัญหาการจัดการน้ำ
   โดยธรรมชาติแล้วพื้นที่สีเขียวจะคอยทำหน้าที่เป็นที่ซับน้ำ ซึ่งมีส่วนช่วยลดการเกิดน้ำท่วมในเมือง การขาดพื้นที่สีเขียวทำให้ระบบการระบายน้ำตามธรรมชาติถูกทำลาย บอกกับการบริหารจัดการที่น้ำต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างที่ยากจะควบคุมที่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมได้ง่ายขึ้นเมื่อมีฝนตกหนัก

แนวทางการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวในปัจจุบัน 

       1.การสร้างสวนสาธารณะและสวนหย่อมในพื้นที่เมืองมากขึ้น 

หลายเมืองใหญ่ในโลก ได้ริเริ่มโครงการพัฒนาสวนสาธารณะและสวนหย่อมเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว เช่น สิงคโปร์เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็น “เมืองในสวน” (City in a Garden) โดยเพิ่มขึ้นจาก 35.7% ในปี 1986 เป็น 46.5% ในปี 2010 และยังคงขยายตัวเรื่อยๆ และอีกตัวอย่างคือ กรุงโซล (Seoul) ประเทศเกาหลีใต้ โซลมีการฟื้นฟูแม่น้ำ Cheonggyecheon ซึ่งเป็นโครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเปิดทางน้ำให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะให้ได้ 30% ของพื้นที่เมืองทั้งหมด ภายในปี 2030 

       2.การสร้างสวนแนวตั้งและสวนบนดาดฟ้า 

การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองสามารถทำได้ด้วยการสร้างสวนแนวตั้ง (Vertical Garden) หรือสวนบนดาดฟ้า (Rooftop Garden) ซึ่งสามารถติดตั้งบนอาคารสูง อาคารสำนักงาน หรืออาคารพาณิชย์ได้ การออกแบบสวนเหล่านี้ช่วยเพิ่มความสดชื่นและกรองอากาศในเมืองได้โดยไม่ต้องใช้พื้นที่ดินมาก หรือใช้วิธีการ  

     3.การส่งเสริมการปลูกต้นไม้และการบำรุงรักษาในชุมชน 

การส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้และดูแลรักษาพื้นที่สีเขียวในเขตที่อยู่อาศัย เช่น โครงการปลูกต้นไม้ในหมู่บ้านหรือบริเวณโรงเรียน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในระดับชุมชนและสร้างจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อม  

     4.การฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองเก่าและเขตอุตสาหกรรม 

การฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองเก่าและเขตอุตสาหกรรมที่ถูกทิ้งร้างให้กลับมาเป็นสวนสาธารณะหรือพื้นที่สีเขียว เช่น การฟื้นฟูพื้นที่ริมแม่น้ำให้เป็นสวนสาธารณะ ช่วยให้เกิดการใช้ประโยชน์พื้นที่ว่างได้อย่างยั่งยืน  

     5.การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการจัดการพื้นที่สีเขียว 

การใช้เทคโนโลยี เช่น โดรนเพื่อสำรวจสุขภาพต้นไม้ ระบบเซ็นเซอร์เพื่อควบคุมการรดน้ำอัตโนมัติ และการใช้ข้อมูลดิจิทัลในการวางแผนการบำรุงรักษาพื้นที่สีเขียว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาพื้นที่สีเขียว 

     6.การพัฒนานโยบายและกฎหมายที่สนับสนุนการอนุรักษ์พื้นที่สีเขียว 

การพัฒนานโยบายที่ส่งเสริมการอนุรักษ์และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง เช่น กฎหมายบังคับให้อาคารพาณิชย์และอาคารที่อยู่อาศัยต้องมีพื้นที่สีเขียวบางส่วน หรือสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้พัฒนาพื้นที่สีเขียว 

” เพราะต้นไม้ในเขตเมือง อยู่ร่วมในสังคมเดียวกับมนุษย์ 

                          ดังนั้น ต้นไม้จะต้องปลอดภัยและสวยงาม…” 

(ครูต้อ) ธราดล ทันด่วน รุกขกรผู้เี่ชยวชาญด้านการดูแลต้นไม้ใหญ่

รุกขกร ผู้รักษาสมดุลของธรรมชาติและผู้คน 

       รุกขกร (Arborist) ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และทักษะเฉพาะทางในการดูแลรักษา บำรุง และจัดการต้นไม้ในพื้นที่สีเขียว โดยเฉพาะในเขตเมือง เพื่อให้ต้นไม้เจริญเติบโตภายใต้ข้อจำกัดของพื้นที่ต่างๆในเมืองได้อย่างปลอดภัย ทั้งต่อตันต้นไม้และชุมชนโดยรอบ นอกจากนี้ รุกขกรยังมีบทบาทสำคัญในการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากต้นไม้ใหญ่ เช่น กิ่งไม้หักหรือต้นไม้ล้ม รวมถึงการดูแลให้ต้นไม้มีความสวยงามและเหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่นั้น ๆ 

หน้าที่หลักของรุกขกร  

• การตรวจสุขภาพและประเมินความเสี่ยงของต้นไม้ 
• การตัดแต่งและบำรุงรักษาต้นไม้ 
• การฟื้นฟูต้นไม้ที่ได้รับความเสียหาย ทั้งระบบราก โค้นต้นกิ่งและใบ  
• การให้คำปรึกษาด้านการจัดการต้นไม้ใหญ่และพื้นที่สีเขียว 
• การประสานงานกับองค์กรหรือหน่วยงานท้องถิ่นในการจัดการต้นไม้อย่างถูกวิธี 

เปรียบได้ว่า รุกขกร เป็นผู้เชื่อมโยงระหว่างความต้องการของชุมชนเมืองในการพัฒนาที่อยู่อาศัยและโครงสร้างพื้นฐาน กับการอนุรักษ์และดูแลรักษาธรรมชาติ เพื่อให้ทั้งสองส่วนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รุกขกรได้ที่ คลิก   

ความท้าทายในการดูแลพื้นที่สีเขียว และ วิธีการจัดการอย่างยั่งยืน 

ปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ทั้งการขยายตัวของเมือง การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความต้องการของประชากรเมืองที่เพิ่มขึ้น และข้อจำกัดทางทรัพยากรและพื้นที่ ส่งผลให้การดูแลและพัฒนาพื้นที่สีเขียวในเมืองต้องมีการวางแผนและการบริหารจัดการที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้พื้นที่สีเขียวสามารถคงอยู่และสร้างประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน ภายใต้สภาพแวดล้อมเมืองที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้เกิดเป็นความท้าทายใหม่สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอาทิเช่น  

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ : ทำให้เกิดปัญหาใหม่ในการดูแลต้นไม้และพื้นที่สีเขียว เช่น อุณหภูมิที่สูงขึ้น คลื่นความร้อนที่รุนแรง ฝนที่ไม่แน่นอน และภัยธรรมชาติเช่น พายุหรืออุทกภัยที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้น สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและการดูแลรักษาพื้นที่สีเขียวให้สมบูรณ์ จึงต้องมีการวางแผนเพื่อปรับปรุงและเสริมความสามารถในการปรับตัวของต้นไม้และพืชพรรณชนิดต่างๆในเมืองอย่างเป็นระบบ 

การขาดแคลนทรัพยากร : การดูแลรักษาพื้นที่สีเขียวในเมืองต้องการการวางแผนที่ดีและการจัดการที่ต่อเนื่อง แต่หลายครั้งพบว่ามีการขาดการดูแลอย่างเหมาะสมเนื่องจากขาดทรัพยากร งบประมาณ หรือบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เช่น รุกขกร และ Treeworker ทำให้ต้นไม้และพืชพรรณเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย ตาย หรือเสื่อมโทรม ความท้าทายนี้ต้องการการลงทุนในบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลพื้นที่สีเขียว 

การบำรุงรักษาและจัดการต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่จำกัด : ต้นไม้ใหญ่ในเมืองมีบทบาทสำคัญในการให้ร่มเงาและลดความร้อน แต่ต้นไม้ใหญ่ก็ต้องการพื้นที่รากที่เพียงพอเพื่อให้เจริญเติบโตได้อย่างปลอดภัย ในเขตเมืองที่มีพื้นที่จำกัด การจัดการรากของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้โครงสร้างพื้นฐานหรือสิ่งปลูกสร้างจึงเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องอาศัยการวางแผนและเทคนิคการดูแลที่ถูกต้อง 

การส่งเสริมความยั่งยืนใน พื้นที่สีเขียว ผ่านแนวคิดรุกขกรรมร่วมสมัย 

  ที่ SO Green เราได้นำหลักรุกขกรรม (Arboriculture) มาประยุกต์ใช้ในการดูแลและพัฒนาพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง โดยผสมผสานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และแนวคิดการออกแบบที่ทันสมัยเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความสมดุลระหว่างธรรมชาติและการกิจวัติประจำวันของผู้คน 

การเลือกพรรณไม้ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในเมือง 

     เราให้ความสำคัญกับการเลือกพรรณไม้ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ ดิน และสภาพพื้นที่โดยรอบ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคระบาดและลดปัญจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้ เช่น การเลือกพรรณไม้ที่ทนต่อมลพิษในอากาศ หรือต้นไม้ที่สามารถเติบโตได้ในพื้นที่จำกัด ทั้งในบริเวณถนนหรือทางเท้า 

การบำรุงรักษาต้นไม้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน 

     การดูแลรักษาต้นไม้โดยรุกขกรหรือนักพฤกษศาสตร์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการตัดแต่งกิ่ง การบำรุงราก การตรวจสุขภาพต้นไม้ และการป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช เพื่อให้ต้นไม้เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์และยั่งยืน โดยใช้วิธีการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ปุ๋ยอินทรีย์และการลดการใช้สารเคมี เป็นต้น 

การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลพื้นที่สีเขียว 

     SO GREEN นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ระบบเซ็นเซอร์เพื่อวัดความชื้นในดิน การใช้โดรนเพื่อสำรวจสุขภาพของต้นไม้ หรือการใช้โปรแกรมเพื่อวางแผนการดูแลและจัดการพื้นที่สีเขียวให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงรักษา ดูแลสวน สำหรับบริษัทและองค์กรได้มากขึ้น 

การออกแบบและวางแผนพื้นที่สีเขียวที่คำนึงถึงการใช้งานและความปลอดภัย 

     การวางแผนพื้นที่สีเขียวที่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังคำนึงถึงการใช้งานของคนในองค์กร และ ชุมชน เช่น การจัดวางต้นไม้และพืชพรรณเพื่อให้ร่มเงาในพื้นที่สาธารณะ การออกแบบพื้นที่ให้เหมาะกับการใช้งานประเภทต่างๆ เช่น สวนน้ำพุ ลานกิจกรรม พื้นที่พักผ่อน รวมถึงการพิจารณาความปลอดภัยของต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับส่วนที่เป็นสาธารณะอีกด้วย 

ส่งเสริมกรมีส่วนร่วมของชุมชนและการสร้างความตระหนักรู้ 

     SO GREEN เชื่อว่าความยั่งยืนของพื้นที่สีเขียวไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่มีการมีส่วนร่วมจากชุมชน เราจึงส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้ผ่านพนักงาน ด้วยการอบรมพัฒนาศักยภาพทั้งหัวหน้างงานและพนักงานดูแลสวน เพื่อให้พร้อมส่งต่อองค์ความรู้และความสำคัญของพื้นที่สีเขียว 

SO บริการดูแลสวน ครบวงจร 

   ภายใต้ บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ผู้นำด้านธุรกิจ Outsourcing ของไทยที่ยกระดับการให้บริการในทุกมิติติ สู่การเข้าไปร่วมคิด ออกแบบ วางแผน และ กำหนดกลยุทธ์องค์กร หรือ Strategic Partner ให้กับลูกค้า ด้วยประสบการณ์ในการบริหารงานด้านภูมิทัศน์กว่า 40 ปี พร้อมนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยจาก ทั่วโลก เข้ามาพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด นอกจากนี้เรายังมี benefit อื่นๆที่พร้อมให้คุณได้มากว่าอาทิเช่น       

• มีทีมรุกขกรและที่ปรึกษาด้านพฤษาศาสตร์ระดับประเทศ   

• มีการอบรมพัฒนาทักษะและความปลอดภัยในการทำงานก่อนเริ่มงาน    

• มีทีม QC จากส่วนกลางเข้าตรวจคุณภาพทุกเดือน   

• มีห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสต์ LAB ในการวิเคาระห์และตรวจสอบดินและปุ่ย  

• ผ่านมาตรฐาน ด้านการบริหารจัดการ ISO9001 และ มาตรฐานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO14001-2005 และเป็นบริษัท Outsource รายแรกที่ได้ ISO ด้านการลดกระบวนการในการทำงาน หรือ LEAN ISO18404 

สนใจบริการติดต่อ คุณนัท ที่เบอร์ 090-197-8513
หรือ @LINE : SO GREEN
กรอกแบบฟอร์ม ขอใบเสนอราคา คลิก

สรุป
พื้นที่สีเขียว มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพอากาศ ลดความร้อน ส่งเสริมสุขภาพจิตรวมถึงการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของเมืองทำให้พื้นที่สีเขียวลดลง ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการฟื้นฟูและจัดการพื้นที่สีเขียวอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนต้องหันมาให้ความสำคัญ อาทิเช่น การใช้เทคโนโลยี การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน และการพัฒนานโยบายที่สนับสนุนการอนุรักษ์และเพิ่มปริมาณพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น เพื่อส่งต่อ อากาศที่บริสุทธิ์ให้กับคนรุ่นต่อไปอย่างยั่งยืน